วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

Augmentation Phalloplasty การผ่าตัดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย

พอดีไปอ่านเจอบลอค http://anew.exteen.com/ แล้วก็เลยนึกถึงตอนที่ตัวเองไปนั่งฟังบรรยายเรื่องนี้ ก็เลยเอามาเล่าสู่กัน โดยปรับภาษาจากรายงานที่ตอนนั้นลงในบอร์ดตัวเอง

บรรยายวิชาการ เรื่อง Augmentation Phalloplasty โดย รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ศิรชัย จินดารักษ์ Plastic and Reconstructive unit Department of Surgery Chulalongkorn University วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 ในงาน เปิดโลกบัณฑิตศึกษา 2547 ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทำไมถึงต้องเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ในต่างประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งมีวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมกัน อาจเกิดการเปรียบเทียบขนาดของอวัยวะเพศ ขนาดที่เล็กกว่าก็อาจจะเป็นปมด้อย หรือเกิดความอายขนาดของตน การเสริมขนาดจึงอาจจะเป็นเรื่องที่พวกเขาให้ความสนใจ แต่ในบ้านเราซึ่งไม่มีวัฒนธรรมการอาบน้ำรวม แต่ต้องการมีขนาดของอวัยวะเพศใหญ่ เกิดจากความเชื่อที่ว่าขนาดที่ใหญ่ สามารถสร้างความสุข และทำให้คู่นอนรู้สึกดีและพึงพอใจมากขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายชาย แต่ความจริงแล้ว โดยหลักการแล้วการเสริมขนาดให้ใหญ่ขึ้นจะทำให้มีความรู้สึกทางเพศลดน้อยลง เพราะความรู้สึกสัมผัสบริเวณผิวหนังที่องคชาตจะลดน้อยลง

ปัจจุบันและอนาคต แนวโน้มจะเป็นอย่างไร การเสริมขนาดอวัยวะเพศชายมีการทำกันมาตั้งแต่ในอดีต และคาดว่าอนาคตการเสริมขนาดอวัยวะเพศชายของคนไทยน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยในอดีต การเสริมขนาดอวัยวะเพศ มักจะใช้สิ่งแปลกปลอมผ่าตัดเข้าไปในบริเวณใต้ผิวหนัง เช่น การฝังมุก แต่ในปัจจุบัน การเสริมขนาดอวัยวะเพศ จะใช้การฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ซึ่งสิ่งแปลกปลอมที่ใช้ส่วนใหญ่มักจะฉีดพาราฟิน หรือซิลิโคนเหลว แต่เนื่องจากพาราฟินและซิลิโคนมีลักษณะเหนียวและข้น ทำให้ยากต่อการฉีด และยังหายากอีกด้วย คนไทยนิยมฉีดน้ำมันมะกอก เพราะหาซื้อได้ง่าย เหลว ทำให้ฉีดได้ง่าย เพียงมีเข็มฉีดยาก็สามารถฉีดได้ทันที

วิธีการผ่าตัดเพิ่มขนาดมีวิธี ดังนี้
1.การใช้เนื้อเยื่อของตัวเราเอง ได้แก่ ไขมันจากหน้าท้อง ต้นขา จากก้น หรือที่อื่นๆ ที่มีไขมันสะสมอยู่ฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังของอวัยวะเพศชาย ก็จะทำให้ขนาดของอวัยวะเพศชายมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไขมันที่ฉีดเข้าไปมักจะไม่อยู่ถาวร หมายความว่าเมื่อผ่านไปแล้ว 3เดือน ไขมันมักจะละลายหายไป ส่วนการตัดเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง เช่น บริเวณหน้าท้อง ตัดเป็นชิ้นๆ ซึ่งยังมีเส้นเลือด สอดเข้าไปบริเวณหนังหุ้มอวัยวะเพศชาย วิธีนี้ทำได้แต่บริเวณที่ผ่าตัดจะมีร่องรอยแผลเป็น แต่ตรงบริเวณที่ดูดไขมันก็จะไม่มีร่องรอยอะไร แต่ข้อสำคัญคือ เนื้อเยื่อที่นำมาใส่มักจะหนาเกินไป และทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง
2.การใช้สิ่งแปลกปลอม คล้าย ๆ กับการเสริมจมูก โดยแผ่นซิลิโคน แต่มีข้อแม้อยู่ว่า มันไม่สามารถยืดได้หดได้ ขนาดจะใหญ่ขึ้นจริง แต่ไม่สามารถยืดหยุ่นได้ อย่างที่สองก็คือ ในระยะยาวแล้ว อาจมีการแตกออกมา

ผลกระทบจากการใช้วิธีเพิ่มขนาดที่ไม่ถูกต้อง โดยส่วนใหญ่การฉีดในระยะแรกจะให้ผลที่น่าพึงพอใจ เพราะร่างกายยังไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน แต่พอผ่านไป 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับขนาดของยา) ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยา เช่น ผิวหนังแตกเป็นแผล ใหญ่แบบไม่มีรูปร่าง เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปมีลักษณะเป็นของเหลว จึงมีการไหลตามแรงโน้มถ่วงโลก ทำให้รูปร่างของอวัยวะเพศแปลกออกไป หรือใหญ่เกินไปจนไม่สามารถสอดใส่ได้ หรือบางครั้งการฉีดยาเข้าไปทำให้เกิดพังผืด คล้ายกับการใส่เหล็กเข้าไปในอวัยวะเพศ เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวจะเกิดความเจ็บปวด อวัยวะเพศยืดไม่ออก

สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์
1. มีการติดเชื้อบริเวณที่อวัยวะเพศ และเป็นแผลเรื้อรัง
2. มีการเคลื่อนตัวของสารที่ฉีดไปยังอวัยวะข้างเคียง ทำให้ติดเชื้อได้ นาน ๆ ไปจะทำให้บริเวณนี้แข็งเป็นพังผืด ทำให้เจ็บปวดได้
3. ขนาดของอวัยวะเพศใหญ่จนไม่สามารถร่วมเพศได้ เวลาอวัยวะเพศแข็งตัวจะปวดมาก
4. กลัวเป็นโรคมะเร็ง เนื่องจากมีแผลเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ

แนวทางการช่วยเหลือ
1. การให้การปรึกษา และการให้ความรู้เรื่องเพศ คือ ต้องให้การศึกษาในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ว่าเทคนิคสำคัญกว่าขนาด ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง จึงจะไม่เกิดปัญหา แต่ในบางคนที่มีขนาดอวัยวะเพศเล็กจริง ๆ จึงทำการรักษาทางการแพทย์
2. การผ่าตัดแก้ไขอาการต่าง ๆ ตามลักษณะที่พบ โดยใช้การลอกผิวหนังที่เสียหายออกและดึงเนื้อเยื่อบริเวณอื่นมาทดแทน วิธีการนี้แพทย์ชาวจีนเป็นผู้คิดค้นแต่ต้องทำการผ่าตัด2ครั้ง ในประเทศไทยจะใช้การผ่าตัดเพียงครั้งเดียว คล้ายกับวิธีการของประเทศเกาหลี แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ในกรณีที่หนังหุ้มอัณฑะมีลักษณะติดเชื้อจนไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนได้

ไม่มีความคิดเห็น: